นักปั่นหน้าใหม่ที่ได้ลองขยับจากการใส่รองเท้ากีฬา หรือรองเท้าผ้าใบ มาเป็นใส่รองเท้าจักรยานที่มาพร้อมกับคลีท พูดเหมือนกันว่าทำให้การปั่นจักรยานของพวกเขามีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น ปั่นสนุกขึ้น และทำให้ปั่นไปได้ไกลยิ่งขึ้น ทำให้รองเท้าจักรยานเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์สำหรับ สำหรับนักปั่นจักรยานทุกคน ทั้งมือใหม่ หรือมือเก่า และสำหรับใครยังไม่เคยมีเอามาไว้ในครอบครอง เรามีวิธีการเลือกซื้อรองเท้าเขียนแนะนำเอาไว้เรียบร้อยแล้ว สามารถเข้าไปอ่านกันได้
ในบทความนี้เราจะมาพูดถึงตัวท็อปของรองเท้าปั่นจักรยาน 4 รุ่น จาก 3 แบรนด์ได้แก่ 2 คู่จาก fizik ในรุ่น Stabilita กับ R2, Shimano RC902 และ S-Works 7 มาเปรียบเทียบดูว่ารองเท้าที่สเปคดีที่สุด (และราคาก็แพงตามไปด้วย) ทั้ง 4 รุ่นนี้ มีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง และคู่ไหน แบบใดเหมาะกับนักปั่นประเภทใดกันบ้าง
รองเท้ายิ่งเป็นตัวท็อป หรือรุ่นที่มีราคาแพง ข้อแรกที่ผู้ใส่จะได้รับคือความเบาจากวัสดุที่ทางแบรนด์เลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็นวัสดุบริเวณพื้นรองเท้า หรือส่วนที่หุ้มรองเท้า ก็จะมีประสิทธิภาพที่ดีกว่า นอกจากนี้ยังมีระบบการรัดกระชับที่มีให้เลือกหลากหลายตามความต้องการของนักปั่น แต่ในรุ่นท็อปส่วนมากจะเป็นแถบสายรัด กับ ระบบวงล้อ (BOA)
Table of Contents
fizik Stabilita
รองเท้าคู่แรกที่เราจะพูดถึงคือรองเท้าจักรยาน fizik VENTO STABILITA CARBON ที่มาในคอนเซ็ป Comfort, Stability, Power Transfer หรือความสบาย, ความมั่นคง และการส่งแรง
ในรุ่นนี้ fizik เลือกใช้วัสดุคือผ้าที่เคลือบด้วยโพลียูรีเทนลามิเนตผสมกับตาข่าย เพื่อให้รองเท้าให้ความรู้สึกสบายยามสวมใส่ พื้นรองเท้าเลือกใช้คาร์บอนไฟเบอร์ที่มีน้ำหนักเบา แต่มีแข็งแรงสูง และมีค่าความแข็ง (STIFFNESS) ถึง 10 ซึ่งมากที่สุดในบรรดารองเท้าของ fizik เพื่อให้การส่งแรงจากเท้าไปสู่บันไดจักรยานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงที่สุด
แต่จุดเด่นของรองเท้าคู่นี้อยู่ที่ระบบการรัดกระชับที่ทาง fizik เลือกใส่มาทั้งแบบ BOA และแบบสายรัด อย่างที่ทราบกันว่าระบบวงล้อ (BOA) ทำให้เราสามารถปรับให้รองเท้าแน่น หรือหลวมได้อย่างรวดเร็ว โดยปุ่มสำหรับหมุนปรับมี 2 จุดเพื่อครอบคลุมทั้งบริเวณของเท้า ส่วนการใส่แถบสายรัดเข้ามาเพิ่ม ในรุ่นนี้เรียกว่า Dynamic Arch Support 2.0 ที่จะคอยปรับความกระชับบริเวณฝ่าเท้าที่เป็นส่วนเว้าโค้งขึ้นมาให้ตัวรองเท้า แนบแน่นไปกับฝ่าเท้าบริเวณนี้ ทำให้เท้าที่รุ่นนี้เสามารถปรับเข้าไปกับลักษณะเท้าที่แตกต่างกันได้อย่างพอดี
อีกหนึ่งจุดที่โดดเด่นขึ้นมาคือช่องระบายอากาศบริเวณพื้นรองเท้า ที่มีขนาดกว้างทำให้การควมคุมอุณหภูมิภายในรองเท้าระหว่างการใส่ได้ดีขึ้น รวมถึงตำแหน่งคลีทที่จะอยู่ไปด้านหลังเล็กน้อย ทำให้ส่งแรงปั่นได้ดีขึ้น โดยเฉพาะในท่าปั่นแอโร
ข้อมูลจำเพาะของรองเท้า
- บริเวณส่วนบนทำมาจากผ้าคาข่ายเคลือบโพลียูรีเทนลามิเนต
- ระบบการรัดกระขับแบบ Li2 Dual Zone BOA®
- พื้นรองเท้าแบบโค้ง R1 – คาร์บอนเต็มแผ่น มีค่าความแข็งที่ 10
- น้ำหนัก: 227 กรัม ต่อข้างในไซส์ 42
- ไซส์: 36-48 (ในไซส์ 37 ถึง 47 มีแบบครึ่งไซส์)
- ช่องระบายอากาศ: ออกแบบร่วมกับนักปั่นจักรยานมืออาชีพ เพื่อประสิทธิภาพในการใช้งาน
- สำหรับการใส่ปั่นจักรยานบนถนน (เสือหมอบ)
fizik R2
รุ่นถัดมายังอยู่กับแบรนด์เดิมคือ fizik กับรุ่น R2 VENTO POWERSTRAP AEROWEAVE ที่พวกเขาเครมว่าเป็นรองเท้าที่เบาที่สุด และมีการระบายอากาศที่ดีที่สุด เพื่อการใส่สำหรับการแข่งขันโดยเฉพาะ
วัสดุที่ใช้เรียกว่า Aeroweave ประกอบไปด้วย ผ้าที่มีส่วนผสมของเส้นใยไนลอน และเส้นใยเทอร์โมพลาสติกโพลิเมอร์ รวมถึงการตัดเย็บผสมผสานเส้นด้ายเข้าด้วยกันในลักษณะเป็นเหมือนตาข่าย ทำให้รองเท้ามีลักษณะที่โปร่ง จนสามารถเห็นถุงเท้าของผู้ที่สวมใส่ได้ ทำให้รองเท้ามีการระบายอากาศที่ยอดเยี่ยม และมีความยืดหยุ่นสูง จากส่วนประกอบของ Aeroweave ยังคงมอบความทนทานเอาไว้ให้ผู้ที่ใช้งานได้อย่างยาวนาน
ระบบการรัดกระชับเลือกการใช้สายรัดที่เรียกว่า Powerstrap โดยจะมีลักษณะคล้ายริบบิ้นพันรอบรองเท้า ทำให้การรัดแน่นยิ่งขึ้นกว่าสายรัดปกติ และพื้นรองเท้าของ R2 ถูกออกแบบใหม่ทั้งหมด เลือกใช้คาร์บอนไฟเบอร์เป็นส่วนประกอบ และด้วยการออกแบบตามหลักวิศกรรม ทำให้พื้นรองเท้าแบบใหม่รุ่นนี้ช่วยลดน้ำหนักของรองเท้าลง แต่ยังมีค่าความแข็งอยู่ที่ 10
นอกจากนี้ในรุ่น R2 ยังมีในรุ่นของ VENTO INFINITO WIDE และ INFINITO KNIT WIDE ที่แตกต่างกันที่วัสดุในส่วนบนของรองเท้าที่ทำมาจากผ้าไมโครเท็กซ์ และผ้าถักตามลำดับ ส่วนการปรับกระชับเลือกใช้เป็นแบบ ระบบวงล้อ (BOA) ในสองรุ่นนี้ทาง fizik ออกแบบมาสำหรับผู้ที่มีหน้าเท่ากว้าง
ข้อมูลจำเพาะของรองเท้า
- Aeroweave: มีการระบายอากาศที่ยอดเยี่ยม และมีความยืดหยุ่นสูง จากโครงสร้างที่มีลักษณะคล้ายตาข่าย
- Powerstrap: สายรัดแบบตีนตุ๊กแกที่ออกแบบมาให้หุ้มไปทั้งรองเท้า เพื่อการรัดกระชับที่แน่นขึ้น เพื่อการสวมใส่ที่พอดีมากขึ้น
- พื้นรองเท้าคาร์บอน R2: มีการจัดวางตำแหน่งของคลีทที่ปรับแต่งมาอย่างเหมาะสม มีค่าความแข็งสูง และน้ำหนักเบา เพื่อการส่งกำลังให้ดีที่สุด
- น้ำหนัก: 205 กรัมต่อข้างในในไซส์ 42
Shimano SH-RC902
ขยับมาที่อีกหนึ่งแบรนด์ยอดนิยมอย่าง SHIMANO ในรุ่นท็อป S-PHYRE RC902 กับนิยมว่า FOCUS ON EVERY DETAIL – FOCUS ON FAST คือการเอาใส่ใจในทุกรายละเอียด เพื่อรีดประสิทธิภาพให้ออกมาได้ดีที่สุด
ส่วนบนของรองเท้าปั่นจักรยานรุ่นนี้เลือกใช้หนังเสริมตาข่าย ทำให้มีความกระชับ และส่งแรงปั่นได้ดีขึ้นโดยไม่สูญเสีย แต่ยังมีความสบาย และการระบายอากาศที่ดีเอาไว้อยู่ด้วยเช่นกัน ส่วนการปรับกระชับเลือกใช้แบบแป้นหมุน เน้นการออกแบบแบบโลว์โปรไฟล์ทำให้ตัว BOA ไม่โดดเด่นออกไปจากรองเท้า และตัวแป้นหมุนกระชับสามารถปรับได้รวดเร็ว และละเอียดมากกว่ารุ่นก่อนๆ
จุดเด่นของรุ่นนี้ที่แตกต่าง และทาง SHIMANO ให้ความสำคัญคือส่วนหุ้มบริเวณข้อเท้า ที่ถูกออกแบบให้มีข้อเท้ามีความมั่นคงมากขึ้นเวลาอออกแรงลงไปที่บันไดจักรยาน และลดอาการบิดในบริเวณนี้ ด้วยการเสริมแผ่นคาร์บอนบริเวณส้นเท้า และพื้นรองเท้า RC902 มีค่าความแข็งสูงที่สุดอยู่ที่ 12 จากการเลือกใช้คาร์บอนไฟเบอร์มาเป็นวัสดุ
นอกจากนี้ SHIMANO S-PHYRE RC902 ยังมีเวอร์ชันสำหรับผู้หญิงที่ออกแบบมารองเท้ากับโครงสร้างสรีระเท้าของผู้หญิงได้ดีกว่า
ข้อมูลจำเพาะของรองเท้า
- อัปเปอร์แบบหุ้มรอบทิศทั้ง 360° ให้ความพอดีขั้นสูงสุดแก่นักปั่นจักรยานทุกคนตามหลักวิศวกรรม
- ด้วยเทคนิคพิเศษทำให้พื้นรองเท้าช่วงกลางกับช่วงบนของรองเท้าไม่มีรอยต่อ เพื่อให้การสวมใส่ได้อย่างกระชับมากขึ้น น้ำหนักเบาขึ้น และทำให้ประสิทธิภาพดีขึ้น
- น้ำหนัก 235.5 กรัมต่อข้างในไซส์ 42
S-Works 7
รองเท้าปั่นจักรยานในรุ่นท็อปคู่สุดท้ายมาจาก Specialized ในรุ่น S-Works 7 ที่พวกเขาการันตีว่ารองเท้ารุ่นนี้จะปรับปรุงทุกอย่างเพื่อให้เป็นรองเท้าปั่นจักรยานที่ยอดเยี่ยมที่สุด ทั้งการส่งแรง ความสบาย เพื่อให้คุณปั่นจักรยานได้เร็วยิ่งกว่าเคย
ตัวรองเท้าเลือกใช้วัสดุอย่างตาข่าย Dyneema® ที่เป็นวัสดุเกรดเดียวกับที่ NASA เลือกใช้ทำร่มชูชีพ ข้อดีของ Dyneema® มีความยืดหยุ่นสูง แต่ไม่ยืด ทำให้การสวมใส่รองเท้าแน่น แต่รู้สึกสบายเหมือนสวมรองเท้าแตะ
จุดเด่นคือเรื่องของ Geometry ของร่างกาย ที่รองเท้า S-Works 7 ได้ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ของร่างกาย และมีการทดลองซ้ำๆ ทางวิทยาศาสตร์เพื่อให้รองเท้ารีดศักยภาพของผู้ที่สวมใส่ออกมาได้สูงสุด และลดโอกาสเกิดอาการบาดเจ็บ โดยการออกแบบคำถึงส่วนของของอุ้งเท้า การทำมุมการวางเท้าเพื่อจัดตำแหน่งของเข่าให้อยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุด ถูกต้องที่สุด ซึ่งการออกแบบตาม Geometry ของร่างกายมีอยู่เพียงแค่ใน S-Works 7
พื้นรองเท้าออกแบบมาเป็นพิเศษเรียกว่า Powerline™ ที่ได้รับการพัฒนาโดยทีมวิศวกร Rider-First ทำให้พื้่นคาร์บอนเบา และแข็งที่สุดเท่าที่เคยมีมา ระบบการปรับกระชับแบบ S3 BOA® Dials ที่แป้นปรับทำมาจากอัลลอยด์ และการปรับที่ละเอียดถึงระดับมิลลิเมตร ทำให้คุณสามารถปรับได้อย่างแม่นยำ
ข้อมูลจำเพาะของรองเท้า
- พื้นรองเท้าแบบ Body Geometry ที่ได้รับการออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ ทำให้ลดอาการบาดเจ็บ และเพิ่มกำลังในการปั่นจักรยาน
- แผ่นคาร์บอน FACT Powerline™ ที่แข็งแรงแต่น้ำหนักเบา ทำให้การส่งแรงดีขึ้น โดยมีค่าความแข็งที่ 15.0
- ส้นเท้าแบบ PadLock™ ที่ด้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยเพิ่มอัตราเร่ง
- น้ำหนักโดยประมาณ: 224 กรัมต่อข้างในไซส์ 42
สรุป
ทั้ง 4 รุ่นก็จะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันไปโดยเฉพาะวัสดุที่นำมาใช้ทำบริเวณด้านบนของรองเท้า และเทคโนโลยีเฉพาะตัวของแต่ละแบรนด์
- น้ำหนัก เป็นรองเท้าปั่นจักรยานในรุ่น fizik R2 VENTO POWERSTRAP AEROWEAVE ที่มีความเบาที่สุดอยู่ที่ 205 กรัม ส่วนในอีก 3 รุ่น น้ำหนักใกล้เคียงกัน
- พื้นรองเท้าทั้งหมดเลือกใช้คาร์บอนไฟเบอร์ และในแต่ละคู่แม้ข้อมูลจะระบุไว้ว่ามีค่าความแข็ง (STIFFNESS) แตกต่างกัน เช่น fizik มีค่าความแข็งที่ 10 ส่วน S-Works 7 มีค่าความแข็งมากถึง 15 แต่ในแต่ละแบรนด์ แต่ละยี่ห้อตัวเลขที่กำหนดค่าถูกกำหนดแตกต่างกันไป ไม่ได้ใช้มาตรฐานเดียวกัน ซึ่งรองเท้าทั้ง 4 รุ่นมีค่าความแข็งสูงสุดที่แบรนด์รองเท้าระบุไว้
ลองไปอ่าน : รองเท้าปั่นจักรยานพื้นแข็งช่วยในการปั่นแค่ไหน - ระบบการรัดกระชับ เกือบทั้งหมดเลือกใช้ ระบบวงล้อ (BOA) ที่การปรับทำได้ง่าย และสะดวกรวดเร็วกว่า แต่ใน fizik Stabilita มีการใส่สายรัดเข้ามาเพิ่มเพื่อให้บริเวณอุ้งเท้ามีความกระชับหมากขึ้นตามความโค้ง ส่วนใครที่ชอบแบบแถบสายรัดมากกว่า อาจจะมองไปที่ fizik R2 VENTO POWERSTRAP AEROWEAVE
- ข้อแตกต่างที่สำคัญที่สุดคือวัสดุที่นำมาใช้บริเวนส่วนบนของรองเท้าที่ห้อหุ้มเท้าของเราไว้ สำหรับใครที่ชอบความสบายลองดู fizik R2 VENTO POWERSTRAP AEROWEAVE แต่หากยังรักความแน่น กระชับ และความรู้สึกของหนังที่ดูแข็งแรง ทนทาน ลองมองไปที่ Shimano SH-RC902