ปืนนวดเข้ามากลายเป็นอุปกรณ์สำคัญที่จะช่วยให้นักกีฬา หรือผู้ที่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอได้มีการฟื้นฟูที่เร็วขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมไปถึงถึงคนทั่วไปก็สามารถนำมาใช้นวดเพื่อผ่อนคลาย หรือลดอาการปวดเมื่อยได้เป็นอย่างดี และในบทความนี้ทาง alta24 จะมานำเสนอ 5 ปืนนวดที่น่าหาซื้อมาใช้งาน อัพเดทประจำปี 2022 ยี่ห้อไหนดี ยี่ห้อไหนคุ้มราคาไปดูกัน

Table of Contents
ทำไมต้องใช้ปืนนวด
การนวดกล้ามเนื้อเป็นหนึ่งอุปกรณ์ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ออกกำลังกายอย่างหนัก หรือเป็นประจำ เพราะปืนนวดจะช่วยลดความล้า ทำให้ร่างกายกลับมาฟื้นฟูได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และในปัจจุบันราคาของปืนนวดไฟฟ้าก็ถูกลงมาจนทุกคนสามารถซื้อมาใช้งานได้
สาเหตุที่ต้องใช้ปืนนวด เพราะอุปกรณ์ชิ้นนี้ใช้หลัก Percussive Therapy หรือการบำบัดด้วยการกระแทก ที่จะให้ผลลัพธ์คล้ายกับการใช้มือนวด (แต่ก็ไม่สามารถใช้แทนการนวดได้ในบางกรณี) ซึ่งข้อดีของปืนนวด หรือความสามารถในการช่วยฟื้นฟูก็มีหลากหลายข้อ
- กระตุ้นกล้ามเนื้อก่อนการออกกำลังกาย (ทำร่วมกับการวอร์มอัพ)
- เพิ่มการไหลเวียนของโลหิต
- ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
- ช่วยให้หายจากอาการล้าหลังการออกกำลังกายได้เร็วขึ้น
- ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของร่างกาย และเพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังให้ดีขึ้น
- ช่วยลดอาการปวดบริเวณต่างๆ (ที่เกิดจากกล้ามเนื้อ)
- ช่วยในการผ่อนคลาย
แต่การใช้ปืนนวดกล้ามเนื้อก็ต้องใช้อย่างระมัดระวัง อย่าใช้นานเกินไป กดแรงเกินไป เพราะอาจจะทำให้กล้ามเนื้อบาดเจ็บได้ และหากมีอาการเจ็บ หรือปวดจากการอักเสบไม่ควรใช้ปืนนวดกล้ามเนื้อ
วิธีการเลือกปืนนวดกล้ามเนื้อ
สำหรับการเลือกซื้ออุปกรณ์ชิ้นนี้ สิ่งที่ต้องดูหลักๆ มีด้วยกัน 3 อย่างคือ ความเร็ว, ความแรง และความลึก นอกจากนี้อาจจะดูไปถึงเรื่องขนาด น้ำหนัก ดีไซน์ และระยะเวลาในการใช้งานเพิ่มเติมได้
- ความเร็ว : คือความเร็วของรอบที่ปืนนวดจะกระแทกลงมาที่ผิวหนัง และกล้ามเนื้อของผู้ใช้งาน ส่วนมากจะบอกอด้วยหน่วยเป็นครั้งต่อนาที (PPM) และจะอยู่ที่ประมาณ 1,500-3,500 ครั้งต่อนาที ยิ่งความเร็วมากก็จะเหมาะสำหรับการนวดกล้ามเนื้อเฉพาะจุด หรือแบบกดจุด แต่ทางเลือกที่ดีที่สุดคือ เลือกปืนนวดที่สามารถปรับระดับความเร็วตามความต้องการได้
- ความแรง : คือแรงกระแทกจากปืนนวดที่ส่งไปถึงกล้ามเนื้อ (ต่อหนึ่งครั้งการกระแทก) จะมีหน่วยบอกเป็นปอนด์ ทางที่ดีควรอยู่ระหว่าง 30-60 ปอนด์ หากเบาเกินไปแรงกระแทกก็จะส่งไปไม่ถึงกล้ามเนื้อ หมายความว่าการนวดก็จะไม่ช่วยอะไรเลย
- ความลึก : ในปืนนวดจะบอกความลึกที่หัวนวดกดลงไปได้ โดยจะมีระยะตั้งแต่ 10-16 มิลลิเมตร เช่นเดียวกับความแรงคือยิ่งกดเข้าไปได้ลึก ก็จะนวดโดนกล้ามเนื้อมากขึ้นนั้นเอง
- น้ำหนัก และดีไซน์ : การใช้งานอุปกรณ์ชนิดนี้คือการนวดด้วยตัวคนเดียว และส่วนใหญ่จะใช้งานด้วยมือเดียว ดังนั้นน้ำหนักของปืนที่ไม่หนักจนเกินไป และดีไซน์ที่ออกแบบมาให้จับได้ง่าย จะช่วยให้ใช้งานปืนนวดกล้ามเนื้อได้สะดวกมากขึ้น
ปืนนวด Oyeet Nex
ปืนนวดไฟฟ้าแบรนด์ที่เพิ่งวางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการได้ไม่นานมานี้ มาพร้อมกับดีไซน์ ฟังก์ชัน แบบจัดเต็ม และราคาที่จับต้องได้สำหรับทุกคน
Oyeet Nex จะมาพร้อมกับความเร็วสูงสุดในการกดมากถึง 3,500 รอบต่อนาที โดยมีสปีดให้ผู้ใช้เลือกได้ถึง 4 สปีดที่ปรับได้ตั้งแต่ 1,700-3,500 รอบต่อนาที ให้ผู้ใช้ปรับได้ตามความต้องการ ส่วนแรงกดมีมากถึง 40 ปอนด์ และกดได้ลึกถึง 10.5 มม. นั้นแรง และลึกพอสำหรับนักกีฬามืออาชีพ ยังมาพร้อมกับหัวนวดที่เปลี่ยนได้ 4 แบบคือ Soft Flat, Fork, Soft Ball, Bullet ให้เลือกเปลี่ยนใช้ความรูปแบบที่ต้องการ
ด้านน้ำหนัก และดีไซน์ ทาง Oyeet ออกแบบมาให้จับง่าย และสามารถใช้งานได้ด้วยมือเพียงข้างเดียว ส่วนแบตเตอรี่สามารถใช้งานได้นานถึง 240 นาที ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และยังแถมที่แท่นชาร์จ แค่วางก็ชาร์จทำให้ลืมเรื่องการแบตหมดไปได้เลย
สเปค
- ขนาด : 6.1 x 3.9 x 1.8 นิ้ว
- น้ำหนัก : 1.3 ปอนด์ (0.59 กิโลกรัม)
- ความเร็วสูงสุด : 3,500 รอบ/นาที
- ความลึกในการนวด : 10.5 มม.
- ระยะเวลาการใช้งาน : 240 นาที
- แรงกด : 40 ปอนด์
- จำนวนหัวนวด : 4 หัว (Soft Flat, Fork, Soft Ball, Bullet)
- ราคา : 5,500 บาท
ปืนนวด Oyeet Nex Pro
เราขอแนะนำปืนวดไฟฟ้าจาก Oyeet อีกรุ่นกับตัวที่ท็อปกว่าในรุ่น Nex Pro ถ้าหากคุณคิดว่าฟังก์ชันต่างๆ ของรุ่นก่อนยังไม่ถูกใจ รุ่นนี้ทาง Oyeet ยกระดับมาทุกด้าน ในราคาที่เพิ่มมาอีกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
อันดับแรกสิ่งที่ดีขึ้นใน Oyeet Nex Pro นวดได้ลึกขึ้นถึง 12.55 มม. และแรงเพิ่มมากขึ้นเป็น 60 ปอนด์ ซึ่งมาพร้อมกับเซ็นเซอร์บอกแรงกด และไฟที่บริเวณด้ามจับของปืนนวดไฟฟ้า โดยมีไฟ 3 สี บอกความแรง 3 ระดับ ได้แก่ สีเหลือง – 20 ปอนด์, สีส้ม – 40 ปอนด์ และสีแดง 60 ปอนด์ ทำให้การนวดเข้าไปโดนกล้ามเนื้อมากขึ้น
ส่วนความเร็วยังคงเท่าเดิมที่สูงสุด 3,500 รอบต่อนาที มีสปีดมาให้เลือกปรับ 4 ระดับคือ 1,600 รอบ/นาที สำหรับความผ่อนคลาย, 1,800 รอบ/นาที สำหรับกระตุ้นกล้ามเนื้อ, 2,400 รอบ/นาที สำหรับคลายกล้ามเนื้อ, 3,500 รอบ/นาที สำหรับการนวดแบบกดจุด และมีโหมด Loop ที่จะวนความเร็วทั้ง 4 ระดับไปเรื่อยๆ
ในรุ่น Pro มีหัวนวดแถมมาสำหรับเปลี่ยนมากขึ้นถึง 8 หัว ทำให้การเลือกใช้งานนวดได้หลากหลาย และตรงจุดมากขึ้น แต่น้ำหนักเบาลงอีกด้วย
สเปค
- ขนาด : 6.5 x 3.5 x 1.9 นิ้ว
- น้ำหนัก : 1.2 ปอนด์ (0.54 กิโลกรัม)
- ความเร็วสูงสุด : 3,500 รอบ/นาที
- ความลึกในการนวด : 12.55 มม.
- ระยะเวลาการใช้งาน : 240 นาที
- แรงกด : 60 ปอนด์
- จำนวนหัวนวด : 8 หัว (Mental Flat, Fork, Cushion Curved, Soft Ball, Ball, Wedge, Trigger Cone, Bullet)
- ราคา : 8,500 บาท
ปืนนวด Theragun PRO
Theragun อาจจะเป็นแบรนด์คุ้นหูที่หลายๆ คนอาจจะเคยได้ยิน ด้วยการเป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญทางด้านเครื่องนวด และปืนนวดก็เป็นหนึ่งในสินค้าที่ได้รับความนิยม และอาจจะเห็นนักกีฬาระดับโลกใช้งานไม่ว่าจะเป็น คริสเตียโน่ โรนัลโด้, มาเรีย ชาราโปว่า หรือเจมส์ ฮาร์เดน และสำหรับปืนหนวดของ Theragun มีให้เลือกถึง 4 รุ่น แต่เราขอเอารุ่นท็อปอย่าง Theragun PRO มาเป็นตัวเลือก
สำหรับปืนนวด Theragun PRO จุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์คือดีไซน์ทรงสามเหลี่ยมที่มองจากมุมไหนก็รู้ว่าเป็นปืนนวด Theragun แต่อาจจะแลกมาด้วยขนาดที่ใหญ่ และน้ำหนักที่มากถึง 1.3 กิโลกรัม ส่วนความแรง และความลึกก็เรียกได้ว่าจัดเต็ม เพราะมีแรงกดสูงถึง 60 ปอนด์ และลึก 16 มม. แต่ความเร็วอาจจะดร็อปลงมาเหลือเพียง 2,400 รอบต่อนาที โดยมีโหมดให้ปรับความเร็วได้ 5 ระดับ (1750, 1900, 2100, 2200 และ 2400 รอบต่อนาที) รวมไปถึงสามารถเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันผ่าน Bluetooth
Theragun PRO สามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ และมีแถมมา 2 ก้อน ใน 1 สามารถใช้งานได้ 150 นาที มาพร้อมกับหัวนวดที่เปลี่ยนได้ 6 หัว สำหรับราคาอาจจะสูงกว่ารุ่นอื่นๆ อยู่สักหน่อย เพราะอยู่ที่ 29,890 บาท
สเปค
- ขนาด : 10 x 7.1 x 3 นิ้ว
- น้ำหนัก : 2.9 ปอนด์ (1.3 กิโลกรัม)
- ความเร็วสูงสุด : 2,400 รอบ/นาที
- ความลึกในการนวด : 16 มม.
- ระยะเวลาการใช้งาน : 150 นาทีต่อแบตเตอรี่ (แถมแบตเตอรี่ 2 ก้อน)
- แรงกด : 60 ปอนด์
- จำนวนหัวนวด : 6 หัว (Supersoft, Dampener, Standard Ball, Wedge, Thumb, Cone)
- ราคา : 29,890 บาท
ปืนนวด Hypervolt 2 Pro (Hyperice)
อีกหนึ่งแบรนด์ที่อยากแนะนำ และหลายคนอาจจะเคยได้ยินแล้วเช่นกับกับแบรนด์ Hyperice แต่ปืนนวดชื่อว่า Hypervolt ในรุ่นท็อปคือ Hypervolt 2 Pro (บางที่อาจจะใช้ชื่อ Hyperice 2 Pro) ที่มาพร้อมดีไซน์ที่จับถนัดมี ใช้งานง่าย และปรับความเร็วได้ 5 ระดับ สูงสุด 2,700 รอบต่อนาที ผ่านมาหมุ่นแป้นปรับที่ตัวเครื่อง หรือสามารถเชื่อมต่อกับ แอปพลิเคชัน Hyperice ผ่าน Bluetooth ที่จะมีไกด์การใช้งานเช่นเดียวกับนักกีฬาระดับโปร มาให้เลือก และเครื่องจะปรับความเร็วตามไกด์นั้นๆ แบบอัตโนมัติอีกด้วย
Hypervolt 2 Pro มีหัวนวดมาให้เลือก 4 หัว และแบตเตอรี่แบบเปลี่ยนได้ มีระยะเวลาการใช้งานอยู่ที่ 3 ชั่วโมง สนนราคาอยู่ที่ 15,999 บาท
สเปค
- ขนาด : 8 x 2.5 x 10.4 นิ้ว
- น้ำหนัก : 2.6 ปอนด์ (1.18 กิโลกรัม)
- ความเร็วสูงสุด : 2,700 รอบต่อนาที
- ความลึกในการนวด : 14 มม. (โดยประมาณ)
- ระยะเวลาการใช้งาน : 180 นาที ถอดแบตเตอรี่ได้
- แรงกด : 35 ปอนด์ (โดยประมาณ)
- จำนวนหัวนวด : 4 หัว (Fork, Ball, Cushion, Flat, Bullet)
- ราคา : 15,999 บาท
ปืนนวด Xiaomi
เดี๋ยวจะหาว่าเรายกมาแต่ปืนนวดราคาแพง รุ่นที่น่าจะหาซ้อได้ง่ายที่สุด และเห็นในช่องทางออนไลน์บ่อยๆ คงจะหนีไม่พ้นแบรนด์ Xiaomi (ที่พวกเขามีขายทุกอย่างที่เราต้องการ) และปืนนวดของ Xiaomi มาในราคาที่ถูกที่สุดที่เรายกมาเพียง 2,690 บาท และก็มีฟังก์ชันที่น่าสนใจบางอย่างไม่แพ้รุ่นที่ราคาแพงๆ เช่นกัน
ความโดนเด่นที่สุดคงจะเป็นความเร็วของปืนที่ทำได้สูงถึง 3,200 รอบต่อนาที น้ำหนักที่เบาไม่ถึงหนึ่งกิโลกรัม และแบตเตอรี่ที่ระบุไว้ว่าสามารถใช้งานได้นานถึง 300 นาที หรือ 5 ชั่วโมงเลยทีเดียว
แต่ด้อยที่เห็นได้ชัดคือแรงกดที่ระบุว่าไว้มีแรงกดอยู่ที่ 570mN หรือประมาณ 12 ปอนด์เท่านั้น ซึ่งถือว่าเบามากๆ หากเทียบกับรุ่นอื่น ๆและอาจจะใช้งานได้เพียงเพื่อความผ่อนคล้าย แต่อาจจะไม่ช่วยในเรื่องคลายอาการล้า เพราะแรงกดน้อยเกินไป
สเปค
- ขนาด : 5.5 x 2.5 x 6.8 นิ้ว
- น้ำหนัก : 0.87 กิโลกรัม
- ความเร็วสูงสุด : 3,200 รอบ/นาที
- ความลึกในการนวด : 10 มม.
- ระยะเวลาการใช้งาน : 300 นาที
- แรงกด : 12 ปอนด์
- จำนวนหัวนวด : 3 หัว (Round, Flat, Bullet)
- ราคา : 2,690 บาท